Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the hueman domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. โปรดดู การแก้ข้อผิดพลาดใน WordPress สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม (ข้อความนี้ถูกเพิ่มมาในรุ่น 6.7.0.) in /home/hnjyksy52e/domains/hnjyksy.com/public_html/wp-includes/functions.php on line 6114
“รมต.พิพัฒน์” ตั้งเป้าปี’65 นักท่องเที่ยวกลับมา 15 ล้านคน - ทัวร์เที่ยวเอเชีย

“รมต.พิพัฒน์” ตั้งเป้าปี’65 นักท่องเที่ยวกลับมา 15 ล้านคน

ได้รับคำยืนยันจาก “นายแพทย์โสภณ เมฆธน” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยในขณะนี้มีแนวโน้มไปในทิศทางที่สามารถคววบคุมได้

ดังนั้น ยุทธศาสตร์ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้อยู่กับโควิดให้ได้ เพราะการทำให้ตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อหรือผู้เสียชีวิตเป็นศูนย์คงเป็นไปได้ยาก และสิ่งสำคัญในปัจจุบันคือเศรษฐกิจของประเทศต้องเดินหน้า

ขณะที่ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ บอกว่า ยอมรับว่าวิกฤตโควิดที่ผ่านมาสร้างความยากลำบากให้กับผู้ประกอบการในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวอย่างมาก โดยที่ผ่านมาพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลงลงถึง 99.98% และนักท่องเที่ยวคนไทยลดลงถึง 84.75% ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปิดให้บริการชั่วคราวจำนวนมาก

กระทรวงการท่องเที่ยวฯ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจึงเดินหน้าผลักดันให้มีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามนโยบาย 120 วันของนายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) โดยมีเป้าหมายให้การท่องเที่ยวสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามที่เคยสร้างความมั่งคั่ง มั่นคงให้ประเทศไทย หรือมีสัดส่วนจีดีพีถึงกว่า 17%

โดยทยอยดำเนินการไปแล้วตั้งแต่ 1 กรกฎาคม คือ เปิดภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ตามด้วยสมุยพลัส (สมุย, เกาะพะงัน, เกาะเต่า) ในวันที่ 15 กรกฎาคม และภูเก็ต 7+7 กระบี่ (เกาะพีพี, เกาะไหง, ไร่เลย์) พังงา (เขาหลัก, เกาะยาวน้อย, เกาะยาวใหญ่) และสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย, เกาะพะงัน, เกาะเต่า) เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา

และในอีก 10 จังหวัดตั้งแต่ 1-30 พฤศจิกายนนี้ อาทิ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ (อ.เมือง, ดอยเต่า, แม่ริม, แม่แตง) ชลบุรี (พัทยา, บางละมุง, บางเสร่) ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน, หนองแก) เพชรบุรี (ชะอำ) เป็นต้น

“พิพัฒน์” บอกว่า จากนโยบายเปิดให้มีการท่องเที่ยวตามนโยบาย 120 วันของนายกรัฐมนตรีนั้น ขณะนี้ประเทศพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวให้เกิดการเดินทาง โดยในเบื้องต้นตั้งแต่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาเป็นต้นไปที่เริ่มจากคนไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย

และเมื่อบวกกับแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติข้างต้นนั้น จะเป็นการตอบโจทย์ว่าวันนี้ประเทศไทยก้าวสู่ภาวะการเตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว และในหลาย ๆ ประเทศก็เริ่มรับรู้ว่าคนไทยทั้งประเทศจะได้รับวัคซีนในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 70% ภายในสิ้นปีนี้

พร้อมย้ำว่า จากแผนดังกล่าว ทำให้คาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในไตรมาส 4/2564 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 1/2565 ประมาณ 1 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะบรรลุเป้าหมายหรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของประเทศไทยฝ่ายเดียว แต่ขึ้นอยู่กับประเทศที่เป็นตลาดเป้าหมายด้วยว่าพร้อมหรือไม่ด้วย โดยปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่ยังคงกังวลว่ากลับไปประเทศตัวเองต้องกักตัว

ดังนั้น กระทรวงการท่องเที่ยวฯ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุข จะหาวิธีประสานกับประเทศต่าง ๆ เพื่อปรับลดเงื่อนไขซึ่งกันและกันลง ซึ่งอาจจะเป็นระดับเมือง ระดับจังหวัด เพื่อดำเนินการเปิดในลักษณะ bubble ต่างคนต่างไม่ต้องมีการกักตัว

โดยระบุว่า ที่ผ่านมายังไม่ได้มีการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ แต่ก็มีการพูดคุยกันไปบ้างแล้ว เช่น กัมพูชา ที่จะให้ท่องเที่ยวระหว่างจังหวัดตราดกับเกาะกง ซึ่งมั่นใจได้ความชัดเจนในสิ้นปีนี้ หรือกรณีลาวก็มีการพูดคุยและจะประสานให้เปิดการค้าชายแดนและท่องเที่ยวซึ่งกันและกัน แต่จำกัดพื้นที่ที่จะเดินทางได้

นอกจากนี้ยังมีมาเลเซียที่จะเจรจาให้เดินทางระหว่างเกาะลังกาวีกับเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งคนที่จะเดินทางนั้นต้องได้รับวัคซีนครบโดสด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกันในส่วนของตลาดในประเทศนั้นก็จะมี 2 โครงการใหญ่ออกมาช่วยขับเคลื่อนคือ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส3 และโครงการทัวร์เที่ยวไทย ซึ่งจะเปิดให้ออกเดินทางท่องเที่ยวได้ตั้งแต่ 15 ตุลาคมนี้ไปจนถึง 31 มกราคม 2565 จะทำให้การท่องเที่ยวภายในประเทศกลับมาอีกครั้งได้

โดยจากการสำรวจของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พบว่าคนไทยเริ่มวางแผนการเดินทางในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีกันแล้วเช่นกัน โดยคาดว่าในปี 2565 คนไทยจะมีจำนวนการเดินทางท่องเที่ยวที่ 160 ล้านคน/ครั้ง

ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวสำหรับปี 2565 ไว้ที่ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น ตลาดไทยเที่ยวไทยประมาณ 8 แสนล้านบาท และตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 7 แสนล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 15 ล้านคน

ขอบคุณที่มา : www.prachachat.net

You may also like...

You cannot copy content of this page